การปฏิวัติคริปโตเชิงสถาบันปี 2025

เมื่อทองคำพบกับบล็อกเชน

โลกการเงินไม่เคยเห็นความสับสนเช่นนี้ตั้งแต่ยุค NFTs ทำวอลล์สตรีทงุนงง ในขณะที่ตลาดแบบเดิมสั่นคลอนจากพายุทางภูมิรัฐศาสตร์ Bitcoin กลับทรงตัวเหนือระดับ 105,000 ดอลลาร์ ขณะที่สถาบันต่างๆ สะสม ETH เหมือนนักลงทุนสุดขี้เหนียว แบล็คร็อคคงไม่ได้อ่านบันทึกว่าคริปโตควรเป็นเพียงแฟชั่นชั่วคราว

3 สัญญาณที่แสดงว่าเรามาถึงจุดเปลี่ยน

1. ปรากฏการณ์โดมิโนของ ETF: ด้วยอนุมัติ Ethereum ETFs และกฎหมายสเตเบิลคอยน์ที่ก้าวหน้าไปทั่วโลก แม้แต่นักลงทุนอนุรักษ์นิยมก็เริ่มซุ่มซ่อนคริปโตไว้ในพอร์ต (อาจเรียกว่า ‘สินทรัพย์ทางเลือก’)
2. กฎระเบียบแบบดาร์วิน: จากสิงคโปร์ถึงลอนดอน ผู้กำกับกำลังคัดสรรสิ่งที่ดีออกจากสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ มีมากกว่า 30 แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนปิดตัวลงในปีนี้ - นี่คือการคัดเลือกตามธรรมชาติของโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน
3. การขึ้นมาของแชมเปี้ยนด้านกฎระเบียบ: แพลตฟอร์มอย่าง BitDa ที่มีเงินสำรองความเสี่ยงเกิน 100 ล้านดอลลาร์ และเสนอคุณสมบัติที่ตลาดหลักทรัพย์มีอยู่แล้ว (มองคุณอยู่ ‘ค่าชดเชยเวลาหยุดให้บริการ’)

ตลาดที่เติบโต… อย่างยากลำบาก

จำได้ไหมเมื่อก่อนการสูญเสียเงินมักโทษว่าโดน ‘แฮ็ก’? ปัจจุบันผู้ใช้ต้องการการปกป้องระดับ FDIC บนประสิทธิภาพของบล็อกเชน สิ่งสำคัญใหม่มี 3 ประการ:

• ใบอนุญาตตามกฎหมาย (ไม่ใช่แค่เครื่องหมายถูกบน Twitter)
• ความปลอดภัยระดับทหาร (มีการตรวจสอบจริง ไม่ใช่แค่มีม)
• คลังสภาพคล่องที่ลึกกว่าการถกเถียงใน Twitter

ทำไมเรื่องนี้สำคัญกับพอร์ตของคุณ

ในฐานะนักวิเคราะห์ที่ผ่านมาแล้วสามวงจร ขอบอกว่าเรากำลังเห็นประวัติศาสตร์ เมื่อปริมาณตราสารอนุพันธ์แตะ 100,000 ล้านดอลลาร์ต่อวันบนแพลตฟอร์มที่ปฏิบัติตามกฎหมาย ก็ถึงเวลาเลิกคิดว่านี่เป็นเทคโนโลยีเฉพาะกลุ่ม อีก 18 เดือนข้างหน้าจะตัดสินว่าโปรเจกต์ใดจะกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน จากสินทรัพย์เชิงเก็งกำไร

เคล็ดลับ: หากแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนของคุณไม่มีระบบ KYC ที่ชัดเจนกว่าธนาคารท้องถิ่น คุณอาจอยู่ผิดฝั่งของการยอมรับจากสถาบัน